ลมประจำถิ่นที่เข้ามาปกคลุมพื้นที่มีผลต่อสภาพอากาศในแต่ละช่วงฤดูกาล ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากลมประจำถิ่นหลายชนิดในแต่ละช่วงของปี ชื่อที่มักได้ยินคุ้นหูกันอย่างลมมรสุมต่างๆ มีอิทธิพลอย่างไร มาดูรายละเอียดกันดังนี้
รายชื่อลมประจำถิ่นในประเทศไทย
1. ลมมรสุม เป็นลมประจำถิ่นสำคัญและอิทธิพลมากที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในบ้านเรา ได้แก่
ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เป็นลมมรสุมที่พัดความชื้นและฝนจากมหาสมุทรอินเดียมายังประเทศไทย อยู่ในช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม ท้องฟ้าจะมีเมฆมากมีฝนตก เป็นที่มาของฤดูฝนในบ้านเรา
เกษตรกรมักปลูกข้าวและพืชที่ต้องการน้ำมาก ในช่วงนี้สามารถวางแผนเก็บกักน้ำ เพื่อไม่ให้ปริมาณน้ำมีมากเกินไปในช่วงน้ำมาก
ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นลมมรสุมที่พัดอากาศเย็นและความแห้งแล้งในช่วงกลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงฤดูหนาว ในช่วงนี้ท้องฟ้าจะโปร่ง อากาศหนาวเย็นและมีความแห้งแล้ง
ช่วงแล้งสามารถวางแผนปลูกพืชที่ทนแล้ง บางแห่งที่แล้งมากอาจทำเกษตรที่ใช้น้ำน้อยหรือพักการเพาะปลูก และต้องวางแผนการเก็บกักน้ำให้ดี
2. ลมภูเขา-ลมหุบเขา เป็นลมที่เกิดจากการเปลี่ยนของอุณหภูมิซึ่งส่งผลต่อความกดอากาศในพื้นที่ที่มีความสูงต่ำต่างกัน ทำให้เกิดกระแสลมพัดขึ้น-ลงภูเขา มี 2 ประเภท ได้แก่
ลมหุบเขา แสงแดดที่แผ่ความร้อนในเวลากลางวันทำให้ยอดเขาได้รับความร้อนมากกว่า ยอดเขาจึงมีอุณหภูมิสูงกว่าหุบเขาด้านล่าง ทำให้ความกดอากาศสูงเคลื่อนที่จากหุบเขาขึ้นมายังยอดเขาที่มีความกดอากาศต่ำกว่าจนเกิดกระแสลม เรียกว่า ลมหุบเขา (เรียกชื่อตามต้นกำเนิดลม)
ลมภูเขา เกิดในเวลากลางคืน เพราะบริเวณยอดเขาคลายความร้อนได้เร็วกว่าทำให้มีอากาศเย็นกว่า ความกดอากาศสูงจากยอดเขาจึงพัดลงไปบริเวณหุบเขา ทำให้เกิดลมภูเขา

3. ลมบก-ลมทะเล เกิดจากการการเคลื่อนที่ของลมจากความกดอากาศตามธรรมชาติเช่นเดียวกับการเกิดลมในหัวข้อที่ผ่านมา แต่ลมบก-ลมทะเลเกิดจากพื้นแผ่นดินและพื้นน้ำมีการดูดซับและคายความร้อนไม่เท่ากัน
ลมบก ในเวลากลางคืน เมื่อแผ่นดินเย็นตัวเร็วกว่าพื้นน้ำ ทำให้มวลอากาศเย็นพัดจากแผ่นดินออกไปที่ทะเลหรือจากบกไปทางทะเล จึงเป็นที่มาของชื่อ ลมบก
ลมทะเล ในทางตรงข้าม ช่วงกลางวันบนแผ่นดินร้อนกว่าพื้นน้ำ จึงเกิดลมพัดโดยมีทิศทางจากทะเลขึ้นมาหาฝั่งแผ่นดิน
กระแสลมพัดช่วยให้พื้นที่เพาะปลูกมีอุณหภูมิเย็นลง มีผลดีกับพืชบางชนิด ช่วยให้เมล็ดพันธุ์กระจายตัว ลดการเกิดเชื้อรา ลดโอกาสการเกิดโรคพืชได้ แต่กระแสลมที่แรงเกินไปก็ทำให้พืชผลเสียหาย ต้นพืชโค่นล้มได้เช่นเดียวกัน
ลมประจำถิ่นของประเทศไทยในแต่ละช่วงมีบทบาทอย่างมากในการเกษตร หากเกษตรกรศึกษาข้อมูลปริมาณฝน ทิศทางลม อุณหภูมิ และเข้าใจลักษณะของลมในพื้นที่ของตัวเอง ก็จะสามารถวางแผนการเพาะปลูกและจัดการน้ำให้สอดคล้องเหมาะสมกับพืช และลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเครื่องมือการเกษตรต้องพร้อมใช้งานตลอดปี สบาย ลีสซิ่ง ให้บริการสินเชื่อรถไถ รถแทรกเตอร์ อนุมัติไว ยอดเงินเต็ม เปลี่ยนรถเป็นทุน ให้เกษตรกรมีความพร้อมสำหรับทุกฤดูการเพาะปลูก สนใจเข้ามาปรึกษาเราได้ทุกสาขา หรือโทร 055-000-600 หรือติดต่อทาง LINE Official @sabuyleasing เพราะทุกความสบายใจเป็นไปได้ที่ สบาย ลีสซิ่ง