กลิ่นเหม็นภายในบ้านมีอะไรบ้าง และมีวิธีกำจัดอย่างไร?
- กลิ่นเหม็บอับ กลิ่นเหม็นอันดับต้นๆ ที่เป็นปัญหาภายในบ้าน อาจเกิดได้หลายสาเหตุ ได้แก่
เครืองปรับอากาศไม่สะอาด เนื่องจากมีฝุ่นละอองสะสม หรือมีการอุดตันและเกิดการก่อตัวของจุลินทรีย์ภายในตัวเครื่องทำให้เกิดกลิ่น แนะนำให้เรียกช่างที่มีความชำนาญมาตรวจสอบและล้างชิ้นส่วนภายใน ไม่ควรทำความสะอาดด้วยตัวเอง เพราะนอกจากจะล้างได้ไม่ทั่วถึงแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่ชิ้นส่วนและตัวเครื่องจนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ในระยะยาว
เฟอร์นิเจอร์สกปรก เช่น โซฟา เก้าอี้ ที่เป็นผ้าและไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานานจนเกิดกลิ่น หรือเคยทำความสะอาดแบบเปียกแล้วไม่แห้งสนิท ก็ทำให้มีกลิ่นเหม็นอับได้เช่นกัน ดังนั้น หากทำความสะอาดเองให้แน่ใจว่า หลังทำความสะอาดขั้นตอนสุดท้าย เนื้อผ้าต้องแห้งสนิทจริงๆ หรืออีกตัวเลือกคือ ใช้บริการทำความสะอาดจากร้านที่มีความเชี่ยวชาญ และมีความพร้อมด้านเครื่องมือ
ผ้าม็อบ ผ้าเช็ด ผ้าถูพื้นไม่สะอาด ที่นำมาใช้ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ หรือถูพื้นบ้าน จะมีกลิ่นเหม็บอับ
- กลิ่นสัตว์เลี้ยง มักเกิดจากกลิ่นผิวหนัง เหงื่อ น้ำลาย มูลสารคัดหลั่งของสัตว์เลี้ยง มีโอกาสเกิดกลิ่นได้ตามธรรมชาติ เพราะสัตว์เลี้ยงไม่ได้มีการชำระร่างกายเหมือนและบ่อยเท่ามนุษย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการสะสมของกลิ่น เจ้าของบ้านนอกจากการอาบน้ำทำความสะอาดให้สัตว์เลี้ยงตามปกติแล้ว ก็ต้องหมั่นทำความสะอาดของใช้ ของเล่น กระบะทราย หรือพื้นที่ขับถ่ายเป็นประจำ รวมไปถึงการทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ภายในบ้านส่วนที่สัตว์เลี้ยงใช้อาศัยอยู่ สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง หรือเลือกชนิดที่อ่อนโยนต่อสัตว์เลี้ยง หากต้องการกำจัดกลิ่นในทันทีสามารถเปิดหน้าต่างให้อากาศระบายออก ฉีดสเปรย์กำจัดกลิ่น แล้วจึงกำจัดสาเหตุต้นตอของกลิ่น
- กลิ่นสีทาบ้าน กลิ่นเฟอร์นิเจอร์ บ้านที่เพิ่งทาสีเสร็จใหม่ๆ อาจมีกลิ่นของสีหลงเหลืออยู่ ซึ่งเกิดจากการระเหยของสารเคมีที่ผสมอยู่ในเนื้อสี มีอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ถ้าสูดดมนานๆ จะมีอาการตั้งแต่ อาการคัน ปวดศีรษะ จนไปถึงหมดสติ และยังมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว แนะนำให้เลือกสีที่มีการระเหยต่ำมาใช้งาน ให้สังเกตที่ฉลากสีที่ระบุ Low VOCs หรือ Non-VOCs จะดีกว่า ส่วนเฟอร์นิเจอร์อาจยากต่อการตรวจสอบว่าในกระบวนการผลิตและชิ้นส่วนต่างๆ มีการใช้สารเคมีที่ระเหยอันตรายในระดับไหน เพราะไม่ใช่ทุกเจ้าที่ระบุข้อมูล VOCs
หากจำเป็นต้องเข้าอยู่อาศัยในทันที หรือยังสัมผัสกลิ่นระเหยจากสี จากเฟอร์นิเจอร์ใหม่ได้อยู่ ให้หมั่นเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเทไอระเหยออกไป สามารถใช้ถ่านหุงต้มมาช่วยดูดกลิ่นได้ (ปัจจุบันสามารถหาซื้อถ่านกัมมันต์ หรือ activated carbon/charcoal มาใช้งานได้ง่ายขึ้น ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นได้ดีกว่าถ่านหุงต้มธรรมดา) หรือร่วมกับการใช้เครื่องกรองอากาศที่มีแผ่นกรองคาร์บอนเพื่อช่วยกรองกลิ่นและไอระเหยเหล่านี้ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
บางครั้งกลิ่นเหม็นก็มาจากนอกบ้าน กำจัดกลิ่นเหล่านั้นได้อย่างไร?
- กลิ่นสิ่งปฏิกูล เคยได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ที่คล้ายกลิ่นขยะไหม ให้สำรวจภายในบ้านว่ามีกองขยะที่ลืมนำไปทิ้งสุมไว้ตรงไหนหรือเปล่า ถ้าพบให้รีบนำไปทิ้ง บางทีก็อาจจะเป็นกลิ่นจากภาชนะที่บรรจุขยะเอง ที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดเป็นเวลานาน ให้หมั่นล้างและทำให้แห้งก่อนนำมาใส่ขยะในครั้งต่อไป
อย่างไรก็ดี บางครั้งกลิ่นเหล่านี้อาจมาจากกองขยะภายนอกที่ลอยเข้ามาภายในบ้าน หากอยู่ใกล้แหล่งกำจัดขยะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ กลิ่นสามารถเดินทางได้ไกลหลายกิโลเมตร เบื้องต้นให้ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดเพื่อป้องกันกลิ่นเข้าบ้าน แล้วแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นให้เข้าตรวจสอบ - กลิ่นท่อน้ำ ท่อระบาย ส่วนใหญ่กลิ่นจากท่อมักมาจากการหมักหมมของสิ่งสกปรกสิ่งอุดตันจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ บางกรณีปัญหาอาจเกิดจากโครงสร้างของท่อน้ำทิ้งที่ไม่ได้รับการออกแบบให้ดักกลิ่นตั้งแต่แรก รูปแบบที่นิยมคือ ท่อแบบ P-trap เป็นการใช้หลักการให้ระดับน้ำในท่อเป็นตัวปิดกลั้นกลิ่นไม่ให้ออกมาภายนอก ทั้งนี้เจ้าของบ้านก็ต้องเริ่มจากแยกทิ้งเศษอาหารหรือสิ่งตกค้างที่ย่อยยาก เช่น เส้นผม กระดาษชำระบางชนิด ส่วนท่อระบายภายนอกก็ระวังอย่าให้มีเศษวัสดุแปลกปลอมเข้าไปอุดตันท่อ รวมถึงเศษขยะและเศษใบไม้ด้วย ก่อนจะทิ้งน้ำลงท่อ หมั่นระบายสิ่งตกค้างและทำความสะอาดท่อน้ำเป็นประจำ ด้วยวิธีใช้น้ำยาทำความสะอาดท่อแบบที่ไม่มีสารเคมีรุนแรงเกินไปจนกัดกร่อนวัสดุจนเสียหาย ใช้ผงจุลินทรีย์เพื่อกำจัดกลิ่น หรือถ้าเป็นท่อแบบมีกระบอก/จุกระบายของเสียแบบถอดออกได้ ให้นำมาล้างสิ่งสกปรกที่ตกค้างเสมอ อาจเปลี่ยนตะแกรงฝาท่อแบบเดิมเป็นแบบตะแกรงกันกลิ่น เพื่อป้องกันกลิ่นท่อย้อนขึ้นมา
ปัจจุบันยังมีวิธีกำจัดกลิ่นภายในห้องแบบครอบจักรวาลที่ได้รับความนิยมมากขึ้น คือ การอบโอโซน โดยใช้กระบวนการทางเคมีผลิตโอโซนขึ้นมา แล้วปล่อยไปในอากาศ เพื่อช่วยกำจัดกลิ่นต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดเชื้อโรคและก๊าซพิษในอากาศได้อีกด้วย ซึ่งแต่เดิมวิธีนี้ถูกใช้ในห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อมาก่อน การเลือกใช้วิธีนี้ภายในที่อยู่อาศัยต้องได้รับการควบคุมเป็นพิเศษไม่ให้มีความเข้มข้นมากเกินไปและมีความปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย
มาถึงตรงนี้ การป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกสะสมจนเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์เป็นการป้องกันปัญหานี้ได้ดีที่สุด โดยเจ้าของบ้านต้องหมั่นดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่ภายในบ้านเป็นประจำ โดยต้องระลึกอยู่เสมอว่าเมื่อมีกลิ่นเท่ากับการมีสิ่งสกปรกอยู่ในบ้านแล้ว นอกจากการป้องกันไม่ให้เกิดกลิ่นแล้ว คือการกำจัดต้นเหตุของกลิ่น เพราะไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของความสะอาดเท่านั้น แต่หมายถึงสุขภาพกายสุขภาพใจของคนในบ้านด้วย เจ้าของบ้านที่กำลังทำบิ๊กคลีนนิ่ง ปรับปรุงบ้านครั้งใหญ่ เพื่อให้สิ่งแวดล้อมทั้งในบ้านนอกบ้านสะอาดสดชื่น และมีความต้องการเงินทุน ลองเข้ามาปรึกษา สินเชื่อโฉนดที่ดิน ที่ สบาย ลีสซิ่ง ทุกสาขา หรือโทร 055-000-600 หรือติดต่อทาง LINE Official @sabuyleasing